มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา จับมือ โรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา ลงนาม MOU สร้างเครือข่ายปฐมพยาบาล

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา จับมือ โรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา ลงนาม MOU สร้างเครือข่ายปฐมพยาบาล-ช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน (CPR) แก่นิสิตและชุมชน ตั้งเป้าอบรมบุคลากรร่วม 1,000 คนต่อปี เป็นแรงช่วยแรกในสถานการณ์ฉุกเฉิน

วันจันทร์ที่ 15 กันยายน 2568 – ณ อาคาร 13 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา และ โรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) อย่างเป็นทางการ เพื่อร่วมมือด้านการส่งเสริมสุขภาวะและการแพทย์ โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.สถาพร เชื้อเพ็ง รองอธิการบดีวิทยาเขตศรีราชา

และ นายแพทย์ชาญชัย ลี้สมประสงค์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไทศรีราชา เป็นผู้ลงนาม พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร และนิสิตเข้าร่วมเป็นสักขีพยาน

ดร.วรยศ ละม้ายศรี ผู้ช่วยอธิบดีฝ่ายบริหารทรัพย์สินและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน วิทยาเขตศรีราชา กล่าวในพิธีว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นนิมิตรหมายอันดีที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของทั้งสององค์กรในการผนึกกำลังเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาวะของนิสิต บุคลากร และชุมชนโดยรอบ โดยจะครอบคลุมถึงการบริการทางการแพทย์และการจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการ Cardiopulmonary Resuscitation (CPR)

ซึ่งคาดว่าจะสามารถเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นในการดูแลชีวิตให้กับผู้เรียนและบุคลากรได้กว่า 1,000 คนต่อปี ตลอดจนการสนับสนุนด้านบริการสุขภาพพิเศษอื่นๆ

นายแพทย์ชาญชัย ลี้สมประสงค์ กล่าวว่า โครงการ “อบรมเชิงปฏิบัติการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน” ถือเป็นความร่วมมือที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง เนื่องจาก

อุบัติเหตุและภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา การช่วยเหลือที่ทันท่วงทีโดยผู้ที่มีทักษะสามารถลดการสูญเสียชีวิตและป้องกันความพิการได้ โรงพยาบาลพญาไทศรีราชาในฐานะโรงพยาบาลระดับ Center of Excellence ที่มีความเชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและได้รับการรับรองมาตรฐานสูงสุดทั้งด้าน STEMI (DSC) และการบริบาลผู้บาดเจ็บ (Trauma Level 3)

พร้อมอย่างยิ่งที่จะส่งต่อความรู้และศักยภาพในการช่วยชีวิตสู่สังคมผ่านความร่วมมือครั้งนี้

การลงนามในครั้งนี้เป็นการบูรณาการศักยภาพระหว่างภาคการศึกษาและภาคการแพทย์อย่างแท้จริง เพื่อสร้างเครือข่ายผู้รู้ด้านการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการลดการสูญเสียจากเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ในชุมชนและสังคมโดยรวมต่อไป